ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (27 ก.ค.) เนื่องจากหุ้นแอสทราเซเนกา ผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ ได้ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของอังกฤษ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า เศรษฐกิจอังกฤษยังคงมีการขยายตัวได้ดีในไตรมาส 2
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,443.01 จุด ลดลง 9.31 จุด หรือ -0.12%
หุ้นแอสทราเซเนกา ร่วงลงอย่างหนักถึง 15.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงในไตรมาส 2 นอกจากนี้ ราคาหุ้นของแอสทราเซเนกายังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า การทดลองในเฟสที่ 3 ของยา Mystic ซึ่งเป็นยารักษาโรคมะเร็งปอดนั้น ผลออกมาไม่น่าพอใจ
หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง ร่วงลง 2.3% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรก ลดลง 18%
หุ้นดิอาจิโอ ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ระดับโลก และเป็นเจ้าของแบรนด์วอดก้า Smirnoff พุ่งขึ้น 6% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายในปีนี้
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ขยับขึ้น 0.7% หลังจากเชลล์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 3.6 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 โดยเพิ่มขึ้น 245% เมื่อเทียบกับระดับ 1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 7.213 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 6.778 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนี FTSE 100 ปิดในแดนลบ แต่ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังคงได้ปัจจัยหนุนในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหราชอาณาจักรมีการขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส และเพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบรายปี โดยตัวเลขการขยายตัวดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ก่อนหน้านี้