ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 56.97 จุด รับตลาดคลายกังวลคาบสมุทรเกาหลี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 30, 2017 06:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ มีท่าทีระมัดระวังการใช้ถ้อยคำในการตอบโต้การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาบ้านและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,865.37 จุด เพิ่มขึ้น 56.97 จุด หรือ +0.26% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,301.89 จุด เพิ่มขึ้น 18.87 จุด หรือ +0.30% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,446.30 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด หรือ +0.08%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดดีดตัวขึ้น เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มลดน้อยลง หลังจากปธน.ทรัมป์ไม่ได้ออกมาใช้ถ้อยคำที่รุนแรงในการตอบโต้เกาหลีเหนือเหมือนครั้งก่อน โดยทรัมป์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐ "พร้อมใช้มาตรการทุกทาง" เพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นในช่วงเช้าวานนี้

มาร์ค เคปเนอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เทมิส เทรดดิ้ง กล่าวว่า การที่ปธน.ทรัมป์และผู้นำประเทศอื่นๆทั่วโลกมีปฏิกริยาอย่างระมัดระวังต่อการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือนั้น ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวล

ขณะที่คริสตินา ฮูเปอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์อินเวสโก กล่าวว่า ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า ผลกระทบรุนแรงที่เกิดขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ซึ่งพัดถล่มเมืองฮุสตันในรัฐเท็กซัสนั้น จะช่วยให้คณะทำงานของปธน.ทรัมป์และผู้นำสภาคองเกรส หันหน้าเจรจากันในเรื่องงบประมาณและการปรับเพิ่มเพดานหนี้ เพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนผู้ประสบภัยจากพายุฮาร์วีย์

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยผลสำรวจของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 122.9 ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 120.3 โดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคประเมินสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันในทิศทางที่ดี และมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดแรงงาน

ทางด้านเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศสหรัฐในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 5.8% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 5.7% ในเดือนพ.ค. โดยราคาบ้านที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน ประกอบกับอุปทานบ้านที่อยู่ในระดับต่ำ

หุ้นบลูชิพดีดตัวขึ้น โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.4% ส่วนหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ทะยานขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทมีความคืบหน้าในการเจรจาซื้อกิจการร็อคเวลล์ คอลลินส์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน ขณะที่หุ้นร็อคเวลล์ คอลลินส์ พุ่งขึ้น 2.1%

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มบริษัทประกันยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสินไหมชดเชยที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของพายุฮาร์วีย์ โดยหุ้น SPDR S&P Insurance ETF ปรับตัวลง 0.5% หุ้น iShares U.S. Insurance ETF ลดลง 0.4% และหุ้น PowerShares KBW Property & Casualty Insurance Portfolio ปรับตัวลง 0.2%

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงเช่นกัน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงาน ลดลง 0.1% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม ร่วงลง 2.1% และหุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม ร่วงลง 1.4%

นักลงทุนจับตากระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2560 ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP ไตรมาส 2 จะขยายตัว 2.7% มากกว่าการประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งระบุว่า GDP มีการขยายตัว 2.6%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.จะขยายตัวเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ขยายตัวมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือนก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.3%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ