ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 54.33 จุด รับ"ทรัมป์"บรรลุข้อตกลงแกนนำคองเกรสขยายเพดานหนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 7, 2017 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และแกนนำในสภาคองเกรส ได้บรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ (ชัตดาวน์) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,807.64 จุด เพิ่มขึ้น 54.33 จุด หรือ +0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,465.54 จุด เพิ่มขึ้น 7.69 จุด หรือ +0.31% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,393.31 จุด เพิ่มขึ้น 17.74 จุด หรือ +0.28%

ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น หลังจากนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา และนางแนนซี เปโลซี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พวกเขาสามารถบรรลุข้อตกลงกับแกนนำพรรครีพับลิกันในการขยายเพดานหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. โดยหากข้อตกลงดังกล่าวสามารถผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสเต็มคณะ ก็จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. และยังช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกันตลาดได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ สืบเนื่องมาจากการที่โรงกลั่นน้ำมันบางส่วนของสหรัฐในแถบกัลฟ์โคสต์ได้เริ่มกลับมาทำการผลิต หลังจากที่ต้องปิดการดำเนินงานก่อนหน้านี้จากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์

ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน คอร์ป พุ่งขึ้นกว่า 2%

หุ้นแก๊ป ผู้จำหน่ายเสื้อผ้าชั้นนำของสหรัฐ ทะยานขึ้น 7.5% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า แบรนด์เสื้อผ้า "Old Navy" ของบริษัทจะทำยอดขายได้มากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเมซี่ อิงค์ พุ่งขึ้น 5.5% หุ้นโคล์ท ทะยานขึ้น 4.9% หุ้นโฮม ดีโปท์ พุ่งขึ้นกว่า 2%

หุ้นฮิวเล็ต แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรซ์ ปรับตัวลง 1.9% แม้บริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 4.37 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสหรัฐจะขาดดุลการค้า 4.46 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.

ขณะที่ผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2015 จากระดับ 54.7 ในเดือนก.ค.

นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวภายในองค์กรของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟดวัย 74 ปี ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ และจะมีผลในวันที่ 13 ต.ค.นี้ โดยการลาออกของนายฟิสเชอร์จะเปิดโอกาสให้ปธน.ทรัมป์ส่งคนของตนเข้ารับตำแหน่งในคณะกรรมการเฟด ในช่วงที่เฟดกำลังดำเนินการปรับนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติ ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดงบดุลจากวงเงิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ