ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 39.45 จุด นักลงทุนจับตาผลประชุมเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 20, 2017 06:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดทำนิวไฮด้วยเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนเดินหน้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงินอย่างคึกคัก พร้อมกับจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักลงทุนคาดว่าคณะกรรมการเฟดจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการปรับลดงบดุล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,370.80 จุด เพิ่มขึ้น 39.45 จุด หรือ +0.18% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,506.65 จุด เพิ่มขึ้น 2.78 จุด หรือ +0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,461.32 จุด เพิ่มขึ้น 6.68 จุด หรือ +0.10%

ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น 0.8% เนื่องจากนักลงทุนยังคงส่งแรงซื้อเข้าหนุนอย่างคึกคัก ก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่อาจจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการปรับลดงบดุลจากวงเงิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์จากพีแอลซี ไฟแนนเชียลกล่าวว่า หากเฟดปรับลดงบดุล ก็จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐปรับตัวขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนผลกำไรของภาคธนาคาร ส่วนเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.241%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด โดยคาดว่านางเยลเลนจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 58.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

หุ้นกลุ่มสื่อสารพุ่งขึ้นและเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสื่อสารพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 2.78% ส่วนหุ้นเวอไรซอน และหุ้นเอทีแอนด์ที ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2% ขณะที่หุ้นที-โมบาย พุ่งขึ้น 5.9% และหุ้นสปรินท์ ทะยานขึ้น 6.8%

หุ้นไมเคิล คอร์ส โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์อ็อพเพนไฮเมอร์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไมเคิล คอร์ส ขึ้นสู่ระดับ "outperform" จากระดับ "perform"

หุ้นเบสท์ บาย ร่วงลง 8% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ได้แก่ ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 8.5% แตะระดับ 1.231 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 จากระดับ 1.135 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1 โดยการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในไตรมาส 2 ถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่การขาดดุล 1.50 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ของปี 2008

ขณะที่ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 0.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.18 ล้านยูนิต ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 1.19 ล้านยูนิตในเดือนก.ค

นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย. โดยเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ