ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 53.36 จุด หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเดือนธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 22, 2017 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ออกคำสั่งคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่เมื่อวานนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,359.23 จุด ลดลง 53.36 จุด หรือ -0.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,500.60 จุด ลดลง 7.64 จุด หรือ -0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,422.69 จุด ลดลง 33.35 จุด หรือ -0.52%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลงหลังจากทำนิวไฮติดต่อกัน 7 วันทำการก่อนหน้านี้ โดยตลาดได้รับปัจจัยกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากที่คณะกรรมการ FOMC ได้ส่งสัญญาณในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ เฟดยังประกาศว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลที่ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน หรือ MBS ในเดือนต.ค. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ หลังจากที่ประชุมเฟดออกแถลงการณ์ดังกล่าว CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 70% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 51% ในช่วงก่อนที่เฟดจะออกแถลงการณ์

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า ปธน.ทรัมป์ได้ออกคำสั่งคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ โดยมีการขึ้นบัญชีดำบุคคล และหน่วยงานที่ดำเนินธุรกิจกับเกาหลีเหนือ เพื่อเป็นการลงโทษเกาหลีเหนือที่ได้ทำการทดลองนิวเคลียร์ และขีปนาวุธครั้งใหม่

"ผมได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีครั้งใหม่ โดยเราจะขยายการดำเนินการของเราในการพุ่งเป้าบริษัท สถาบันการเงิน ซึ่งให้เงินทุน และอำนวยความสะดวกทางการค้าแก่เกาหลีเหนือ คำสั่งของเราจะตัดแหล่งเงินทุนของเกาหลีเหนือซึ่งใช้สนับสนุนการพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูง"" ปธน.ทรัมป์กล่าว

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นำโดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.7% หุ้น Nvidia ดิ่งลง 2.7% หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวลง 0.6% ส่วนหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ปิดตลาดร่วงลง 2% หลังจากที่ดีดตัวขึ้นในระหว่างวัน จากข่าวที่ว่าเอเอ็มดีจะร่วมมือกับบริษัทเทสลา มอเตอร์ เพื่อผลิตชิพสำหรับใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า

หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปรับตัวลง 0.2% หลังจากกูเกิลแถลงเมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทลงนามในข้อตกลงความร่วมมือวงเงิน 1.1 พันล้านดอลลาร์กับบริษัทเอชทีซี ซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนของไต้หวัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจสมาร์ทโฟน และฮาร์ดแวร์ของบริษัท โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว กูเกิลจะซื้อทีมพนักงานของเอชทีซี ซึ่งเคยทำงานเกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟน Pixel ของกูเกิล ขณะที่เอชทีซีจะได้รับเงินสด 1.1 พันล้านดอลลาร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 23,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 259,000 ราย สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 300,000 ราย โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 133 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ สัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ