ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 152.51 จุด รับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 3, 2017 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮในการซื้อขายวันแรกของไตรมาส 4 หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 13 ปี และการใช้จ่ายภาคก่อสร้างที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐได้ช่วยสกัดปัจจัยลบที่เกิดขึ้นจากเหตุกราดยิงในเมืองลาสเวกัสของสหรัฐเมื่อวานนี้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,557.60 จุด พุ่งขึ้น 152.51 จุด หรือ +0.68% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,516.72 จุด เพิ่มขึ้น 20.76 จุด หรือ +0.32% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,529.12 จุด เพิ่มขึ้น 9.76 จุด หรือ +0.39%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM พุ่งขึ้นสู่ระดับ 60.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2004 จากระดับ 58.8 ในเดือนส.ค. โดยข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ แม้มีการคาดการณ์ว่าพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มาจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวในไตรมาส 3 ก็ตาม

รายงานภาคการผลิตของ ISM ออกมาสอดคล้องกับข้อมูลของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งระบุว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.1 ในเดือนก.ย. จากระดับ 52.8 ในเดือนส.ค. โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อใหม่ที่ปรับตัวขึ้น และการจ้างงานมีการขยายตัวสูงสุดในรอบ 9 เดือน

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนส.ค. แตะระดับ 1.21 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 0.4%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีวงเงินเกือบ 6 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการเสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นสูงสุดลงสู่ระดับ 35% จากปัจจุบันที่ 39.6% โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ

ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมุมมองบวกเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานข่าวที่ว่า มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากถึง 59 ราย และบาดเจ็บกว่า 500 ราย จากเหตุกราดยิงในงานคอนเสิร์ต Route 91 Harvest ใกล้กับโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์ ที่เมืองลาสเวกัสของสหรัฐ เมื่อวานนี้ ซึ่งนับเป็นการก่อเหตุกราดยิงที่มีจำนวนผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ

เหตุการณ์กราดยิงที่ลาสเวกัสในครั้งนี้ได้ฉุดหุ้นกลุ่มกาสิโนร่วงลง นำโดยหุ้น MGM Resorts International ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์ในลาสเวกัส ดิ่งลง 5.6% ขณะที่หุ้น Wynn Resorts ร่วงลง 1.2%

อย่างไรก็ตาม ข่าวกราดยิงในลาสเวกัสส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทผลิตปืนปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน เอาท์ดอร์ แบรนด์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสมิธ แอนด์ เวสสัน พุ่งขึ้น 3.2% หุ้นสเทิร์ม รูเจอร์ แอนด์ โค ทะยานขึ้น 3.5% และหุ้นวิสตา เอาท์ดอร์ พุ่งขึ้น 2.4%

หุ้นออราเคิล ผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใหญ่ ปรับตัวขึ้น 0.9% หลังจากนายแลร์รี เอลลิสัน ผู้บริหารของออราเคิลยืนยันว่า ทางบริษัทจะลดราคาการบริการจัดเก็บฐานข้อมูลในอัตราที่ต่ำกว่าคู่แข่งอย่างอเมซอน ขณะที่ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นอเมซอน ขยับลง 0.2%

หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ESPN พุ่งขึ้น 1.3% ขณะที่หุ้น Altice USA ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเคเบิลทีวีรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.8% หลังจากทั้งสองบริษัทได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้น เพื่อให้บริการช่องสถานีดิสนีย์แก่สมาชิกหลายล้านคนในกรุงนิวยอร์กต่อไป

นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเปิดเผยมาตรการปรับลดกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรม พร้อมกับจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมหัวข้อ "Community Banking in the 21st Century Research and Policy Conference" ในวันพรุ่งนี้ โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นโดยคณะกรรมการเฟด และคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการธนาคารของรัฐบาลสหรัฐ ณ เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดขายรถยนต์เดือนก.ย. ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ดุลการค้าเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ