ดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก บ่งชี้วอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นคืนนี้ ขณะจับตาตัวเลขศก.,ผลประกอบการแบงก์สหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 13, 2017 20:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าขยับขึ้นในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวขึ้นในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ และผลประกอบการของภาคธนาคารสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในวันนี้ ซึ่งได้แก่ นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน, นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส และนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก เพื่อหาสัญญาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ณ เวลา 20.11 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 28 จุด หรือ 0.12% สู่ระดับ 22,826 จุด

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทะยานขึ้น 0.6% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.

ทั้งนี้ ดัชนี CPI ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้น 13.1% ของราคาน้ำมันเบนซิน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2552 หลังจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์พัดถล่มรัฐเท็กซัสของสหรัฐ จนทำให้โรงกลั่นน้ำมันจำนวนมากต้องปิดการดำเนินงานชั่วคราว

ดัชนี CPI ที่ทะยานขึ้นดังกล่าว บ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และมิ.ย.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558 หลังจากขยับลง 0.1% ในเดือนส.ค.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนก.ย.

ยอดค้าปลีกที่ทะยานขึ้นในเดือนก.ย. ได้รับผลบวกจากการฟื้นฟูบูรณะเขตประสบภัยพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มา ซึ่งทำให้มีความต้องการซื้อวัสดุก่อสร้าง และรถยนต์

นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกยังได้แรงหนุนจากรายได้ของสถานีบริการน้ำมันที่พุ่งขึ้น หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น ขณะเผชิญภาวะขาดแคลนพลังงาน หลังเกิดพายุเฮอร์ริเคนถล่ม

แบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุว่า ธนาคารมีรายได้ 2.2079 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.1976 หมื่นล้านดอลลาร์

แบงก์ ออฟ อเมริกา ยังระบุว่า ธนาคารมีกำไร 48 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 45 เซนต์/หุ้น

ราคาหุ้นของแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 0.7% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวอลล์สตรีทวันนี้ ขานรับตัวเลขผลประกอบการดังกล่าว

เวลส์ ฟาร์โก ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ แต่มีรายได้ต่ำกว่าคาด

ทั้งนี้ เวลส์ ฟาร์โก ระบุว่า ธนาคารมีรายได้ 2.193 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.04 ดอลลาร์/หุ้น

ทางด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 2.240 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.03 ดอลลาร์/หุ้น

ราคาหุ้นของเวลส์ ฟาร์โกดิ่งลง 3% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวอลล์สตรีทวันนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการดังกล่าว ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นมาติดลบราว 2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ