ดาวโจนส์ทรุดกว่า 150 จุด ราคาน้ำมันดิ่ง,หุ้น GE ร่วง กดดันตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 15, 2017 22:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 150 จุดในวันนี้ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน และหุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE)

ณ เวลา 21.37 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,256.63 จุด ลดลง 152.84 จุด หรือ 0.65%

หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ตามราคาน้ำมันที่ร่วงลง ขณะที่หุ้น GE ปรับตัวลงมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก ขณะที่ทรุดตัวลงมากกว่า 13% ในสัปดาห์นี้ จากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อแผนการปรับโครงสร้างบริษัท และการปรับลดการจ่ายเงินปันผล

GE แถลงก่อนหน้านี้ว่า ทางบริษัทจะทำการปรับลดการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสลง 50% สู่ระดับ 12 เซนต์/หุ้น จากเดิมที่ 24 เซนต์/หุ้น โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนธ.ค.

นายจอห์น แฟลนเนอรี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GE กล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่มีความจำเป็น ในการบริหารกระแสเงินสดของบริษัท

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 ในวันนี้ หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ และปีหน้า

ณ เวลา 20.17 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 58 เซนต์ หรือ 1.04% สู่ระดับ 55.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

IEA ประกาศปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ และปีหน้า โดยระบุถึงความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลง ขณะที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกทำการเพิ่มการผลิต

ทั้งนี้ IEA ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันราว 100,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ และปีหน้า สู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน และ 1.3 ล้านบาร์เรล/วันตามลำดับ

IEA ระบุว่า อุณหภูมิที่อบอุ่นขึ้นจะทำให้มีการลดการใช้น้ำมัน ขณะที่การเพิ่มการผลิตจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกจะส่งผลให้ตลาดน้ำมันกลับสู่ภาวะน้ำมันล้นตลาดในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า

รายงานของ IEA ดังกล่าวสวนทางกับรายงานของกลุ่มโอเปก ซึ่งได้ทำการปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันราว 130,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์เดิม สู่ระดับ 1.51 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า

ขณะเดียวกัน การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันตลาด

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในวันนี้นั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนก.ย.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะทรงตัวในเดือนต.ค.

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ชะลอตัวลงในเดือนพ.ย. หลังจากมีการขยายตัวสูงสุดรอบ 3 ปีในเดือนต.ค.

ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ 19.4 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 30.2 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี

อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก

ทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทมีผลประกอบการในไตรมาส 3 ดีกว่าที่คาดไว้

ทั้งนี้ ทาร์เก็ตระบุว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 91 เซนต์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 86 เซนต์/หุ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 1.667 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.661 หมื่นล้านดอลลาร์

นักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการบังคับใช้มาตรการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐสร้างเงื่อนไขใหม่ที่เป็นอุปสรรคต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ด้วยการพ่วงการยกเลิกเนื้อหาส่วนหนึ่งของกฎหมายโอบามาแคร์เข้ากับแผนการปฏิรูปภาษี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ