ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงในวันนี้จากแรงขายทำกำไร หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
ณ เวลา 22.16 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,570.52 จุด ลดลง 20.31 จุด หรือ 0.09%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันนี้ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2558 หลังมีการปิดท่อส่งน้ำมันจากแคนาดามายังสหรัฐ เนื่องจากเกิดการรั่วไหล
ณ เวลา 21.24 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.69% สู่ระดับ 57.79 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากพุ่งแตะ 58.05 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้
บริษัททรานส์แคนาดา คอร์ป แถลงในวันนี้ว่า บริษัทจะลดการจ่ายน้ำมันลง 85% ผ่านทางท่อส่งน้ำมันคีย์สโตนไปยังสหรัฐจนถึงสิ้นเดือนนี้ หลังมีการปิดท่อส่งน้ำมันในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากพบการรั่วไหลของน้ำมันจำนวน 5 พันบาร์เรลในรัฐเซาท์ ดาโกตา
ตามปกติ ท่อส่งน้ำมันคีย์สโตนจะส่งน้ำมันดิบ 590,000 บาร์เรล/วันจากรัฐอัลเบอร์ตาของแคนาดาไปยังตลาดสหรัฐ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 6.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ตลาดวอลล์สตรีทยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน
บริษัทเดียร์ แอนด์ โค ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถแทรกเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 โดยบริษัทรายงานกำไรที่ระดับ 1.57 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.47 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทมียอดขาย 7.09 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.99 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอการเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.2% ในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2.2% ในเดือนก.ย.
การร่วงลงของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ ขณะที่คำสั่งซื้อรถยนต์ปรับตัวขึ้น
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ลดลง 0.5% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว โดยสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.4% ในเดือนต.ค.
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 13,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 239,000 ราย หลังจากเพิ่มขึ้น 2 สัปดาห์ติดต่อกัน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะลดลงสู่ระดับ 240,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 142 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513