ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 118.77 จุด ขณะนักลงทุนจับตาผลประชุมเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 13, 2017 06:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ทะยานขึ้นทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก ก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ นำโดยหุ้นโบอิ้งและหุ้นโกลด์แมน แซคส์ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประสบความสำเร็จในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีซึ่งครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,504.80 จุด พุ่งขึ้น 118.77 จุด หรือ +0.49% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,664.11 จุด เพิ่มขึ้น 4.12 จุด หรือ +0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,862.32 จุด ลดลง 12.76 จุด หรือ -0.19%

นักลงทุนยังคงเดินหน้าเข้าซื้อหุ้น ซึ่งช่วยหนุนหุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ปรับฐานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 2.4% ขานรับข่าวการเพิ่มการจ่ายเงินปันผล และการที่บริษัทอนุมัติการซื้อคืนหุ้นจำนวน 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ทะยานขึ้น 3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นที่จดทะเบียนในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์

หุ้นคอมคาสท์ พุ่งขึ้น 2.8% หลังจากมีรายงานว่า คอมคาสท์ได้ยุติแผนการเสนอซื้อธุรกิจบันเทิงจากบริษัททเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ซึ่งจะเปิดทางให้บริษัทวอลท์ดิสนีย์เดินหน้าเสนอซื้อธุรกิจดังกล่าวต่อไป โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ปรับตัวขึ้น 0.2% และหุ้นวอลท์ดิสนีย์ พุ่งขึ้นกว่า 1%

ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยหุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.5% และหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.1%

ตลาดได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์จะสามารถผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีให้มีผลบังคับใช้ โดยเมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียง 51-49 ขณะที่สภาคองเกรสสหรัฐกำลังพิจารณารวมร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นร่างเดียวกัน และให้การอนุมัติ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป

นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยมีการคาดการณ์กันว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.และมิ.ย.

CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสถึง 87% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์นี้

คริส โลว์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียลกล่าวว่า นอกเหนือจากผลการประชุมเฟดในวันนี้แล้ว นักลงทุนยังจับตาดูว่า เฟดจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกกี่ครั้งในปีหน้า รวมทั้งจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งจะแถลงมุมมองทางเศรษฐกิจเป็นครั้งสุดท้าย ในฐานะประธานเฟด

นักวิเคราะห์ยังกล่าวด้วยว่า ปัจจัยล่าสุดที่ช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ มาจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และหากเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 3.1% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2555

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI จะปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน และจะเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี

นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. และดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนธ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ