ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 80.63 จุด หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 14, 2017 06:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ตามคาดในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐทั้งในปีนี้และปีหน้า อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังจากคณะกรรมการเฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 3 ครั้งในปีหน้า ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,585.43 จุด เพิ่มขึ้น 80.63 จุด หรือ +0.33% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,875.80 จุด เพิ่มขึ้น 13.48 จุด หรือ +0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,662.85 จุด ลดลง 1.26 จุด หรือ -0.05%

ดัชนีดาวโจนส์ยังคงเดินหน้าทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.25-1.50% ในการประชุมเมื่อวานนนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

ขณะเดียวกัน เฟดได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐสู่ระดับ 2.5% ในปีนี้ จาก 2.4% ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ย. ส่วนในปี 2561, 2562 และ 2563 อยู่ที่ระดับ 2.5%, 2.1% และ 2.0% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.1%, 2.0% และ 1.8% ตามลำดับ ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.8%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 3.6% ขณะที่หุ้น 3M ปรับตัวขึ้น 1.1%

หุ้นเซ็นจูรี่ลิงค์ ทะยานขึ้น 6.7% หลังจากนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นดังกล่าว อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า รัฐเพนซิลวาเนียได้ทำสัญญา 5 ปีกับบริษัทเซ็นจูรี่ลิงค์ เพื่อให้บริษัทจัดหาข้อมูลด้านการบริการเครือข่ายให้กับพนักงานของรัฐ

อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังจากเฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 3 ครั้งในปี 2561 และอีก 3 ครั้งในปี 2562 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนักถึง 1.3% ขณะที่หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.6% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดิ่งลง 1.3% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับตัวลง 1.5%

นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน โดยล่าสุดนายออร์ริน แฮทช์ ประธานคณะกรรมาธิการการเงินประจำวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และวุฒิสภาสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีแล้ว ส่งผลให้สภาคองเกรสมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะบรรลุข้อตกลงปฏิรูปภาษีภายในปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนธ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ