ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ทำนิวไฮ ขานรับผลประกอบการแบงก์แข็งแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 12, 2018 22:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน

ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะมีผลประกอบการพุ่งขึ้น 11.2% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หุ้นทั้ง 11 กลุ่มธุรกิจในดัชนี S&P 500 จะมีผลกำไรและรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554 ที่หุ้นทุกกลุ่มธุรกิจในดัชนี S&P 500 มีผลกำไรและรายได้เพิ่มขึ้นภายในไตรมาสเดียวกัน

ณ เวลา 22.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,717.01 จุด เพิ่มขึ้น 142.28 จุด หรือ 0.56%

หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้

เจพีมอร์แกน เชส เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยธนาคารมีรายได้ 2.545 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.76 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 2.515 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.69 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4

แบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทพุ่งขึ้นทะลุระดับ 6 ล้านล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ แบล็คร็อค ระบุว่า บริษัทมีกำไร 6.24 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.02 ดอลลาร์/หุ้น และบริษัทมีรายได้ 3.469 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.321 พันล้านดอลลาร์

แบล็คร็อคยังระบุว่า บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการมูลค่า 6.288 ล้านล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.248 ล้านล้านดอลลาร์

เวลส์ ฟาร์โก ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรในไตรมาส 4 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ แต่มีรายได้ต่ำกว่าคาด โดยธนาคารมีรายได้ 2.205 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.16 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 2.238 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.07 ดอลลาร์/หุ้น

นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน และนายแพทริค ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้นโยบายการเงิน และทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนพ.ย.

ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนธ.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย.

หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของค่าเช่า, การดูแลสุขภาพ และราคารถยนต์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ