ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงซื้อหุ้นแบงก์หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 39.18 จุด ขณะนักลงทุนจับตา CPI สหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 14, 2018 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึง บริษัทอันเดอร์ อาร์เมอร์ ผู้ผลิตเครื่องกีฬาชั้นนำ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด โดยตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้ถึงสถานการณ์เงินเฟ้อในสหรัฐ และทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,640.45 จุด เพิ่มขึ้น 39.18 จุด หรือ +0.16% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,662.94 จุด เพิ่มขึ้น 6.94 จุด หรือ +0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,013.51 จุด เพิ่มขึ้น 31.55 จุด หรือ +0.45%

หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ทะยานขึ้น 2.7% หลังจากนายทิโมธี สโลน ซีอีโอของเวลส์ ฟาร์โก ได้ออกมาสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่า การที่คณะกรรมการเฟดมีคำสั่งให้เวลส์ ฟาร์โก ควบคุมการเติบโตทางธุรกิจนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อทางธนาคาร

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา เฟดได้ออกคำสั่งไม่ให้ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ทำการขยายธุรกิจต่างๆ หลังจากมีรายงานว่าธนาคารแห่งนี้ยังคงมีพฤติกรรมเอาเปรียบลูกค้า และละเมิดกฎระเบียบของภาคธนาคาร นอกจากนี้ เฟดยังห้ามไม่ให้เวลส์ ฟาร์โก มีสินทรัพย์โดยรวมมากไปกว่ามูลค่าสินทรัพย์ที่ถือครอง ณ สิ้นปี 2560 จนกว่าธนาคารแห่งนี้จะปรับปรุงระบบการบริหารจัดการให้ดีขึ้น

ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 0.9% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ขยับขึ้น 0.6% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 0.2% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดีดตัวขึ้น 0.6%

หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ทะยานขึ้น 17.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 1.4 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์

หุ้นเป๊ปซี่โค ดีดตัวขึ้น 0.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 1.31 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.30 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 1.953 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.939 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นอเมซอน ทะยานขึ้น 2% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงาว่า บริษัทอเมซอนเตรียมรุกธุรกิจเดลิเวอรี่ ภายใต้ชื่อ "Shipping with Amazon"

หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ร่วงลง 1.4% หลังจากมีรายงานว่า GM เตรียมปิดโรงงานประกอบรถยนต์ในเมืองกุนซานของเกาหลีใต้ ภายในสิ้นเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างธุรกิจ หลังจากความต้องการรถยนต์ชะลอตัวลง

นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันนี้ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่สามารถบ่งชี้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และยังบ่งชี้ถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดเช่นกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือนม.ค.จะขยายตัวที่ระดับ 1.9% เมื่อเทียบรายปี หลังจากขยายตัว 2.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)เดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ. จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ