ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อ เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีในเดือนม.ค. ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ช่วยสกัดแรงลบในตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,168.01 จุด ลดลง 9.05 จุด หรือ -0.13%
รายงานของ ONS ระบุว่า ดัชนี CPI เดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 3.0% ซึ่งแม้ว่าไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนธ.ค. แต่ก็ใกล้เคียงกับระดับ 3.1% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2555 นอกจากนี้ ดัชนี CPI เดือนม.ค.ยังอยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.9% ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า มีโอกาส 70% ที่ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพ.ค. และมีโอกาส 50% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 1% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2552
หุ้นเซเวิร์น เทรนท์ ซึ่งเป็นบริษัทปะปารายใหญ่ของอังกฤษ ร่วงลง 3.4% หุ้นยูไนเต็ด ยูทิลิตี้ ดิ่งลง 3.1% และหุ้นฮาร์เกรฟ แลนส์ดาวน์ ร่วงลง 2.6%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นสวนทางการปิดลบของตลาด โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นเกลนคอร์ ดีดตัวขึ้น 2.5% หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ขยับลง 0.8%
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 1.8% แม้มีรายงานว่าบริษัทอาจมีการใช้จ่ายในการจัดทำบัญชีใหม่ราว 1.8 พันล้านดอลลาร์ จาการที่รัฐบาลสหรัฐปฏิรูประบบภาษีครั้งใหญ่