ดาวโจนส์พุ่งไม่หยุด ล่าสุดทะยานกว่า 300 จุด รับบอนด์ยีลด์ชะลอตัวจากนิวไฮ 4 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 23, 2018 00:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ยังคงดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันนี้ หลังปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วัน โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐชะลอตัวลงในวันนี้ หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีวานนี้

ณ เวลา 23.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,118.89 จุด เพิ่มขึ้น 321.11 จุด หรือ 1.29%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นวานนี้ ขานรับการเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 30-31 ม.ค.

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.919% หลังจากพุ่งแตะระดับ 2.950% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.201% ในวันนี้

ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทะยานขึ้นวานนี้ หลังจากรายงานการประชุมเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดจะต้องใช้ความระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปในปีนี้ เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยจะปรับขึ้นครั้งแรกในการประชุมเดือนหน้า

นายบูลลาร์ดกล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องจับตาเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่ง แต่อัตราเงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ และมีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟดต่อไปอีกหลายปี

ส่วนนายแรนดอล ควาร์ลส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด กล่าวว่า การที่อัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดเล็กน้อย ไม่ควรจะเป็นอุปสรรคต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

นายควาร์ลส์ระบุว่า เขาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ทั้งนี้ เฟดตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% โดยเชื่อว่าเป็นจุดดุลยภาพสำหรับการขยายตัว

ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนธ.ค.

"หลังจากประเมินข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด ผมมีความเห็นว่า การที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายของเฟด เกิดจากปัจจัยชั่วคราวซึ่งจากจางหายไปในปีนี้ และส่งผลให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของเฟด" เขากล่าว

นายควาร์ลส์ย้ำว่า เฟดควรมีความอดทน และพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตโดยขึ้นอยู่กับความคืบหน้าเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และการจ้างงาน

ทางด้านโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มสูงมากที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

ทั้งนี้ หลังจากที่เฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 30-31 ม.ค.เมื่อวานนี้ โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า มีโอกาสมากกว่า 95% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 มี.ค.

"รายงานการประชุมบ่งชี้ถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และคาดการณ์การเร่งตัวมากขึ้นของเงินเฟ้อ" โกลด์แมน แซคส์ระบุในรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ