ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ บ่งชี้วอลล์สตรีทร่วงคืนนี้ กังวลการเมืองสหรัฐ,แนวโน้มสงครามการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 16, 2018 20:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยการเมืองสหรัฐ และแนวโน้มการทำสงครามทางการค้า

คาดว่าการซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอาจประสบภาวะผันผวนในวันนี้ เนื่องจากเป็นวันครบกำหนดส่งมอบออปชั่น, สัญญาล่วงหน้า รวมทั้งออปชั่นล่วงหน้าของหุ้นหลายตัว

ณ เวลา 19.28 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 28 จุด หรือ 0.11% สู่ระดับ 24,896 จุด

สื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ตัดสินใจปลดพลโท เฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ แมคมาสเตอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ รวมทั้งอาจมีการปลดพล.อ.จอห์น เคลลี หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว ออกจากตำแหน่งในวันนี้

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา โดยปธน.ทรัมป์ได้แต่งตั้งนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ให้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สัน และให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่

ทำเนียบขาวแถลงว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความในวันพุธที่แล้วที่ระบุว่า สหรัฐได้แจ้งให้จีนจัดทำแผนลดตัวเลขเกินดุลการค้ากับสหรัฐ โดยให้ปรับลดลง 1 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ แต่ที่จริงแล้ว ปธน.ทรัมป์ต้องการบอกให้จีนจัดทำแผนลดตัวเลขเกินดุลการค้า 1 แสนล้านดอลลาร์ ไม่ใช่ 1 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐได้เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ, โทรคมนาคม และสินค้าเพื่อผู้บริโภคจากจีน วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อตอบโต้การทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม

เมื่อปีที่แล้ว จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐจำนวน 3.752 แสนล้านดอลลาร์

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนเพิ่มขึ้น 16.7% สู่ระดับ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558 โดยตัวเลขส่งออกไปยังจีนดิ่งลง 28.1% ขณะที่นำเข้าเพิ่มขึ้น 2.9%

ขณะเดียวกัน คาดว่าการเปิดเผยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านที่ลดลงมากกว่าคาดในเดือนก.พ. ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ถ่วงการซื้อขายในวันนี้

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลงมากกว่าคาดในเดือนก.พ. โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของการสร้างบ้านสำหรับหลายครอบครัว ทั้งนี้ ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านร่วงลง 7.0% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.236 ล้านยูนิต หลังจากอยู่ที่ระดับ 1.329 ล้านยูนิตในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 1.290 ล้านยูนิต ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยว เพิ่มขึ้น 2.9% สู่ระดับ 902,000 ยูนิต ส่วนการก่อสร้างบ้านสำหรับหลายครอบครัว ซึ่งรวมถึงอพาร์ทเมนท์และคอนโดมิเนียม ดิ่งลง 26.1% สู่ระดับ 334,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว นอกจากนี้ กระทรวงรายงานว่า การอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 5.7% สู่ระดับ 1.298 ล้านยูนิต โดยการอนุญาตก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวลดลง 0.6% ขณะที่การอนุญาตก่อสร้างบ้านสำหรับหลายครอบครัวทรุดตัวลง 14.8%

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค. ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ