ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 72.85 จุด รับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday March 17, 2018 06:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.ที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบ 4 เดือน อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐและผลกระทบของสงครามการค้า ยังคงสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,946.51 จุด เพิ่มขึ้น 72.85 จุด หรือ +0.29% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,752.01 จุด เพิ่มขึ้น 4.68 จุด หรือ +0.17% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,481.99 จุด เพิ่มขึ้น 0.25 จุด หรือ +0.00%

ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงราว 1.5% ดัชนี S&P ลดลง 1.2% และดัชนี Nasdaq ลดลง 1%

ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 102 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2547 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 99.3 และสูงกว่าระดับ 99.9 ในเดือนก.พ.

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นที่พุ่งขึ้นในเดือนมี.ค.ได้แรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกของผู้บริโภคต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และฐานะการเงินส่วนบุคคล

ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3% โดยได้แรงหนุนจากภาคก่อสร้าง, ภาคพลังงาน และเหมืองแร่

หุ้นวอลมาร์ท พุ่งขึ้น 1.2% ส่วนหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ปรับตัวขึ้น 1% ขานรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของสหรัฐที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี

หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ขยับขึ้น 0.5% หลังจากจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันได้รับข้อเสนอจากบริษัทพลาตินัม อิควิตี้ เพื่อซื้อธุรกิจ "ไลฟ์สแกน" ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตอุปกรณ์ตรวจน้ำตาลในเลือด ในวงเงิน 2.1 พันล้านดอลลาร์

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอะโดบี ซิสเต็มส์ ดีดตัวขึ้น 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้และผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะที่หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 3% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นไมครอน เทคโนโลยี สู่ระดับ 100 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นเวสเทิร์น ดิจิทัล ทะยานขึ้น 4.1% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเวสเทิร์น ดิจิทัล ขึ้นสู่ระดับ "outperform"

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดตัวขึ้น 0.9% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.3% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.3% เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ หลังจากสื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ตัดสินใจปลดพลโท เฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ แมคมาสเตอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ รวมทั้งอาจมีการปลดพล.อ.จอห์น เคลลี หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว ออกจากตำแหน่ง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา โดยปธน.ทรัมป์ได้แต่งตั้งนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ให้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สัน และให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ, โทรคมนาคม และสินค้าเพื่อผู้บริโภคจากจีน ในวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้การทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามกดดันให้จีนปรับลดยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐลง 1 แสนล้านดอลลาร์

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 20-21 มี.ค.นี้ ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ