ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,164.14 จุด เพิ่มขึ้น 24.38 จุด หรือ +0.34%
การอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยในระหว่างการซื้อขายเมื่อคืนนี้ เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 1.3889 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3936 ดอลลาร์
ทั้งนี้ รายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลในด้านบวกต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 102 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2547 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 99.3 และสูงกว่าระดับ 99.9 ในเดือนก.พ.
ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3% โดยได้แรงหนุนจากภาคก่อสร้าง, ภาคพลังงาน และเหมืองแร่
หุ้น NEX Group ทะยานขึ้น 30% หลังจากบริษัทยอมรับข้อเสนอการเทคโอเวอร์จาก CME Group
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลง โดยหุ้นเทเลอร์ วิมพีย์ ดิ่งลง 1.4% และหุ้นเพอร์ซิมมอน ร่วงลง 1.3% ส่วนหุ้นเบอร์เคลีย์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 5.4%