ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 44.96 จุด หลังเฟดมีมติขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 22, 2018 06:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (21 มี.ค.) หลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านปรับตัวขึ้น ขานรับยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.พ.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,682.31 จุด ลดลง 44.96 จุด หรือ -0.18% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,711.93 จุด ลดลง 5.01 จุด หรือ -0.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,345.29 จุด ลดลง 19.02 จุด หรือ -0.26%

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2558

ขณะเดียวกัน เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า และ 2 ครั้งในปี 2563

ในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.7% จากเดิมที่ 2.5% และได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้า สู่ระดับ 2.9% จากเดิมที่ระดับ 2.7% ส่วนการขยายตัวในปี 2563 คาดว่าจะชะลอตัวสู่ 2% ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ 1.8%

นักวิเคราะห์กล่าวว่า หลังจากเฟดเผยมติการประชุมได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ได้ดีดตัวขึ้นสู่แดนบวก เนื่องจากนักลงทุนขานรับการแสดงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของคณะกรรมการเฟด อย่างไรก็ตาม การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นหลังจากเฟดเผยมติการประชุมนั้น ได้กดดันให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบ

หุ้นเจเนอรัล มิลส์ ร่วงลง 8.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของวอลล์สตรีท

หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ดิ่งลง 4.8% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์แนวโน้มรายได้ในไตรมาสแรกปีนี้

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นกว่า 2% ติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ ขานรับสต็อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงสวนทางกับการคาดการณ์ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นเชฟรอน ทะยานขึ้น 2.2% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ พุ่งขึ้น 4.2% หุ้นวาเลโร เอนเนอร์จี ปรับตัวขึ้น 1% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นมาราธอน ออยล์ ดีดตัวขึ้น 6.8% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.5%

ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านปรับตัวขึ้น โดยหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.9% และหุ้นเลนนาร์ คอร์ป เพิ่มขึ้น 1.8% หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 3.0% เทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.54 ล้านยูนิต จากระดับ 5.38 ล้านยูนิตในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5%

หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 0.7% หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากข่าวการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคน

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ