ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ไหลไม่หยุด ล่าสุดดิ่งกว่า 300 จุด บ่งชี้วอลล์สตรีททรุดหนักคืนนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 22, 2018 20:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้ายังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดดิ่งลงกว่า 300 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะทรุดตัวลงในคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 20.14 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 305 จุด หรือ 1.23% สู่ระดับ 24,422 จุด

ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมประกาศใช้อำนาจตามมาตรา 301 เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในวันนี้ เพื่อลงโทษจีนกรณีละเมิดสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ

อย่างไรก็ดี มาตรการที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้จะไม่รวมถึงการจำกัดการลงทุนของจีนในสหรัฐ หรือจำกัดวีซ่านักศึกษา

ทั้งนี้ มาตรา 301 มอบอำนาจให้ประธานาธิบดีสหรัฐสามารถออกมาตรการตอบโต้ประเทศอื่นๆที่ละเมิดข้อตกลงทางการค้า หรือมีพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับสหรัฐ

ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ระบุว่า "ท่านประธานาธิบดีจะประกาศใช้มาตรการตามมาตรา 301 เพื่อสอบสวนการที่จีนใช้ความพยายามในการบิดเบือนตลาด และขโมยเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ"

สื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์เตรียมประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี

ก่อนหน้านี้บรรดาที่ปรึกษาอาวุโสของปธน.ทรัมป์ได้เสนอแผนเก็บภาษีสินค้านำเข้าหลายประเภทจากจีนในวงเงิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี แต่ปธน.ทรัมป์ต้องการให้เพิ่มวงเงินในการจัดเก็บภาษีจากจีนเป็น 6 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี โดยมาตรการนี้จะครอบคลุมสินค้านำเข้าจากจีนกว่า 100 รายการ ซึ่งปธน.ทรัมป์ระบุว่า สินค้าเหล่านี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นจากการที่จีนขโมยความลับทางการค้าจากบริษัทสหรัฐ

ปธน.ทรัมป์จะได้รับการบรรยายสรุปอีกครั้งในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้าเพื่อพิจารณาการดำเนินมาตรการเพิ่มเติม โดยจะขึ้นอยู่กับผลกระทบของมาตรการในขั้นแรก

นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการให้จีนจัดทำแผนลดตัวเลขเกินดุลการค้าลง 1 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐจำนวน 3.752 แสนล้านดอลลาร์

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนเพิ่มขึ้น 16.7% สู่ระดับ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558 โดยตัวเลขส่งออกไปยังจีนดิ่งลง 28.1% ขณะที่นำเข้าเพิ่มขึ้น 2.9%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ