ดาวโจนส์ร้อนแรงพุ่งเกือบ 500 จุด หุ้นขึ้นยกแผง รับข่าวดีจีนพร้อมเจรจาสงบศึกการค้าสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 26, 2018 20:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 500 จุดในวันนี้ ขานรับรายงานข่าวที่ว่า จีนพร้อมเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า

ณ เวลา 20.52 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,021.38 จุด เพิ่มขึ้น 488.18 จุด หรือ 2.07%

หุ้นพุ่งขึ้นทุกกลุ่ม นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่หุ้นไมโครซอฟต์ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก

นางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงวันนี้ว่า จีนพร้อมเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า

คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศจีนมีขึ้น หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐวงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์

ทางด้านหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐได้ส่งหนังสือฉบับหนึ่งให้แก่นายหลิว เหอ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุถึงมาตรการที่รัฐบาลจีนควรดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการเกินดุลการค้ากับสหรัฐ

วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ได้แจ้งต่อรัฐบาลจีนว่า สหรัฐต้องการให้จีนลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐ

นอกจากนี้ สหรัฐต้องการให้จีนซื้อเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้นจากสหรัฐ และเปิดตลาดการเงินมากขึ้นให้แก่สถาบันการเงินสหรัฐ

วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานด้วยว่า สหรัฐและจีนได้เริ่มการเจรจาอย่างลับๆเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าแล้ว โดยฝ่ายสหรัฐนำโดยนายมนูชิน ขณะที่ฝ่ายจีนนำโดยนายหลิว เหอ

ดูเหมือนว่าจีนกำลังตอบสนองสหรัฐอย่างรวดเร็ว โดยหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า จีนได้เสนอซื้อเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้นจากสหรัฐ ด้วยการลดยอดสั่งซื้อจากเกาหลีใต้และไต้หวัน ซึ่งจีนหวังว่าการดำเนินการดังกล่าวจะลดตัวเลขเกินดุลการค้ากับสหรัฐ

นอกจากนี้ ไฟแนนเชียล ไทม์สยังระบุว่า เจ้าหน้าที่ของจีนกำลังเร่งสรุปการจัดทำกฎระเบียบใหม่ภายในเดือนพ.ค. ซึ่งจะช่วยให้สถาบันการเงินต่างชาติสามารถเข้าซื้อหุ้นใหญ่ในบริษัทหลักทรัพย์ของจีน

ท่าทีครั้งใหม่ของจีนดังกล่าว มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีในสัปดาห์ที่แล้วเพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นการลงโทษจีนที่ได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ

ปธน.ทรัมป์ระบุว่า นี่เป็นมาตรการแรกของอีกหลายมาตรการที่จะตามมา และเขาเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้สหรัฐแข็งแกร่ง และมั่งคั่งขึ้น

การออกมาตรการเรียกเก็บภาษีของปธน.ทรัมป์มีขึ้น หลังจากที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ทำการสอบสวนตามมาตรา 301 ต่อพฤติกรรมการทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน

สินค้าของจีนที่ตกเป็นเป้าหมายในการเรียกเก็บภาษีของสหรัฐ เป็นสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีที่จีนมีข้อได้เปรียบเหนือสหรัฐ

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์จะสั่งการให้ USTR เปิดเผยรายการสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีภายใน 15 วัน และจะมีช่วงเวลา 30 วันสำหรับการรับฟังความเห็นจากประชาชน ขณะที่ USTR ได้ระบุรายการสินค้าที่จะตกเป็นเป้าหมายแล้ว โดยเป็นสินค้าจำนวน 1,300 รายการ

ปธน.ทรัมป์ยังได้สั่งการให้นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ เสนอการตั้งข้อจำกัดต่อการลงทุนของจีนในสหรัฐ

ปธน.ทรัมป์จะได้รับการบรรยายสรุปอีกครั้งในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้าเพื่อพิจารณาการดำเนินมาตรการเพิ่มเติม โดยจะขึ้นอยู่กับผลกระทบของมาตรการในขั้นแรก

นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการให้จีนจัดทำแผนลดตัวเลขเกินดุลการค้าลง 1 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐจำนวน 3.752 แสนล้านดอลลาร์

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนเพิ่มขึ้น 16.7% สู่ระดับ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558 โดยตัวเลขส่งออกไปยังจีนดิ่งลง 28.1% ขณะที่นำเข้าเพิ่มขึ้น 2.9%

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายแรนดอล ควาร์ลส์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ