ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (6 เม.ย.) โดยได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดศึกการค้ากับจีนรอบใหม่
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลดลง 1.31 จุด หรือ 0.4% ปิดที่ระดับ 374.82 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,258.24 จุด ลดลง 18.43 จุด หรือ -0.35% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,241.27 จุด ลดลง 63.92 จุด หรือ -0.52% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,183.64 จุด ลดลง 15.86 จุด หรือ -0.22%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐที่ได้รับปัจจัยกดดัน หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณารายการสินค้านำเข้าจากจีนที่สหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาได้ขอให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ พิจารณาว่าการเก็บภาษีนำเข้าอีก 1 แสนล้านดอลลาร์นั้นเหมาะสมหรือไม่ภายใต้มาตรา 301 และหากเหมาะสม ก็ขอให้ระบุรายการสินค้าที่จะเรียกเก็บภาษีดังกล่าว
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นเพราะจีนได้ตอบโต้อย่างไม่เป็นธรรมต่อการที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์
ด้านโฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเมื่อวานนี้ว่า จีนจะตอบโต้สหรัฐไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม และจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างครอบคลุม หากสหรัฐยังคงเดินหน้ากีดกันการค้าแต่เพียงฝ่ายเดียว
สำหรับหุ้นที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ได้แก่หุ้นกลุ่มชิป โดยหุ้นเอเอสเอ็มแอล โฮลดิ้งส์ ปรับตัวลดลง 1.7% ขณะที่หุ้นอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ ปรับตัวลดลง 0.8% หลังก่อนหน้านี้ บริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ได้ออกมาแสดงความวิตกว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนอาจสร้างความเสียหายต่อธุรกิจชิป
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน นำโดยหุ้นเอชเอสบีซีที่ปรับตัวลดลง 1.3%