ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 11.11 จุด รับราคาบ้านอังกฤษพุ่ง,ตลาดคลายกังวลสงครามการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 10, 2018 06:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าข้อพิพาทระหว่างสองประเทศจะได้รับการคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาบ้านในอังกฤษที่พุ่งขึ้นเกินคาดในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,194.75 จุด เพิ่มขึ้น 11.11 จุด หรือ +0.15%

ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ คาดหวังว่าสหรัฐและจีนจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนที่จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า และสหรัฐไม่มีเป้าหมายที่จะทำสงครามการค้า

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า จีนจะเป็นฝ่ายที่ยอมอ่อนข้อต่อสหรัฐ โดยจะยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้า และทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงกันได้ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงในด้านภาษีที่จะเป็นไปในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากฮาลิแฟกซ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษพุ่งขึ้น 2.7% ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. หลังจากปรับตัวขึ้นในอัตราต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีในช่วงเดือนธ.ค.-ก.พ. และเมื่อพิจารณาเฉพาะเดือนมี.ค. ราคาบ้านดีดตัวขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว

หุ้นโรลส์-รอยซ์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากโรลส์-รอยซ์ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อขายกิจการ L'Orange ซึ่งเป็นธุรกิจจัดหาระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงในเยอรมนี ให้กับบริษัทวู้ดวาร์ด อิงค์ คิดเป็นมูลค่าราว 700 ล้านยูโร (859.5 ล้านดอลลาร์)

อย่างไรก็ตาม หุ้น Evraz ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่และเหล็กที่ดำเนินงานในรัสเซีย และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ร่วงลง 14% และหุ้น United Company Rusal ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอลูมิเนียมของรัสเซีย ทรุดฮวบลง 50% อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวสหรัฐคว่ำบาตรรัสเซีย

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรชาวรัสเซียจำนวน 24 คน ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมทั้งหน่วยงานและภาคธุรกิจของรัสเซียจำนวน 14 แห่ง ในข้อหาดำเนินการที่เป็นภัยต่อความมั่นคงทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการยึดครองคาบสมุทรไครเมีย, สร้างความรุนแรงในยูเครน, ให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่รัฐบาลซีเรีย และบ่อนทำลายประชาธิปไตยของชาติตะวันตก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ