ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงกว่า 200 จุด บ่งชี้วอลล์สตรีทดิ่งคืนนี้ หลัง"ทรัมป์"ขู่ยิงมิสไซล์ถล่มซีเรีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 11, 2018 19:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงกว่า 200 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดิ่งลงในคืนนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าสหรัฐจะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้จากการที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน

ณ เวลา 19.26 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 213 จุด หรือ 0.87% สู่ระดับ 24,138 จุด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า "รัสเซียบอกว่าจะยิงสกัดขีปนาวุธทุกลูกที่โจมตีซีเรีย ดังนั้น รัสเซียเตรียมพร้อมได้เลย เพราะมันจะมาแน่ เป็นขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่ดีและฉลาด คุณไม่ควรเป็นเพื่อนกับสัตว์ที่ใช้ก๊าซพิษฆ่าประชาชนของตนเอง และมีความสุขกับเรื่องนี้" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ทางด้านเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเลบานอนกล่าวก่อนหน้านี้ว่า กองทัพรัสเซียจะยิงสกัดขีปนาวุธของสหรัฐที่ล่วงล้ำน่านฟ้าของซีเรีย รวมทั้งรัสเซียจะยิงทำลายฐานยิงขีปนาวุธดังกล่าวด้วย

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กลุ่มนักเคลื่อนไหวรายงานว่า กองกำลังของซีเรียได้ใช้ก๊าซคลอรีนโจมตีเมืองดูมา ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มกบฎในเขตกูตาตะวันออก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 ราย แต่ทางรัฐบาลซีเรียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า สหรัฐจะทำการตัดสินใจครั้งสำคัญเกี่ยวกับซีเรียภายในเวลา 24-48 ชั่วโมงข้างหน้า

คำกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้น หลังจากที่เขาขู่ก่อนหน้านี้ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรียจะต้องชดใช้อย่างสาสม หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมีต่อฐานที่มั่นของกลุ่มกบฎซีเรีย จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความระบุว่า "มีประชาชนเสียชีวิต ไม่เว้นแม้แต่เด็กและผู้หญิงในเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมี" พร้อมกล่าวอีกด้วยว่า "ประธานาธิบดีปูติน รัสเซีย และอิหร่าน จะต้องรับผิดชอบต่อการสนับสนุนประธานาธิบดีอัสซาด และจะต้องชดใช้อย่างสาสม"

นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ โดยเจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกในวันศุกร์นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอการเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 20-21 มี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้เช่นกัน โดยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของเฟด หลังจากที่ประชุมเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่นักลงทุนให้ความสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ