ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 182.33 จุด รับราคาน้ำมันพุ่ง หลัง"ทรัมป์"ฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 10, 2018 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันทะยานขึ้น 3% อันเนื่องมาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่ออิหร่าน นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเทคโนโลยียังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,542.54 จุด พุ่งขึ้น 182.33 จุด หรือ +0.75% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,697.79 จุด เพิ่มขึ้น 25.87 จุด หรือ +0.97% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,339.91 จุด เพิ่มขึ้น 73.00 จุด หรือ +1.00%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ และทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นขานรับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นราว 3% หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศนำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และระบุว่าจะดำเนินการคว่ำบาตรต่ออิหร่านในระดับสูงสุด ซึ่งจะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่หลังจากนี้ 180 วัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐจะประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจำนวน 200,000-1,000,000 บาร์เรล/วัน

ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นเชฟรอน ปรับตัวขึ้น 1.7% หุ้นมาราธอน ออยล์ ทะยานขึ้น 4% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 3%

หุ้นเซียร์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้นกว่า 16% หลังจากเซียร์สประกาศจับมือกับอเมซอน เพื่อให้บริการติดตั้งยางรถยนต์ให้กับลูกค้า โดยเซียร์สระบุว่า ทางบริษัทจะให้บริการติดตั้งยางรถยนต์อย่างครบวงจรสำหรับยางทุกแบรนด์ที่มีขายบนอเมซอน ซึ่งรวมถึงแบรนด์ดายฮาร์ดของเซียร์ส

หุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวขึ้น 1.1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 1% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดีดตัวขึ้นกว่า 1%

ส่วนหุ้นในกลุ่มการเงินนั้น หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดขึ้น 2% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ทะยานขึ้น 2.1% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 1% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ทะยานขึ้น 2.6%

หุ้นวอลมาร์ท ร่วงลง 3.1% หลังจากมีรายงานว่า วอลมาร์ทจะทุ่มเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้น 77% ในบริษัทฟลิบคาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซของอินเดีย โดยหวังว่าจะทำให้วอลมาร์ทสามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่างอเมซอน อิงค์ อย่างไรก็ตาม วอลมาร์ทแถลงว่า ข้อตกลงดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท โดยคาดว่าจะทำให้กำไรต่อหุ้นในปีงบการเงิน 2562 ลดลง 25-30 เซนต์/หุ้น หากมีการปิดข้อตกลงดังกล่าวก่อนสิ้นสุดไตรมาส 2

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 4 เดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. โดยการชะลอตัวของดัชนี PPI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาอาหาร

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5%

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่นักลงทุนจับตาในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ