ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วง บ่งชี้วอลล์สตรีทปรับตัวลงต่อเนื่องจากที่ดิ่งลงวานนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 16, 2018 20:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะยังคงปรับตัวลงในคืนนี้ ต่อเนื่องจากที่ดิ่งลงวานนี้

ณ เวลา 20.12 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 32 จุด หรือ 0.13% สู่ระดับ 24,628 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงเกือบ 200 จุดเมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทโฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้

CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 51% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคาดว่า เฟดมีโอกาส 95% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. และมีโอกาส 81.4% ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมี.ค.

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ จากการที่นักลงทุนหันกลับมาซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่มีความวิตกต่อความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี

ณ เวลา 19.35 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 3.063% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.188%

ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.095% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี หลังการเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกและดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

เกาหลีเหนือได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมระดับรัฐมนตรีกับเกาหลีใต้ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในวันนี้ โดยอ้างถึงการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐที่ดำเนินไปในขณะนี้

นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังขู่ที่จะยกเลิกการประชุมสุดยอดระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่สิงคโปร์ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลงมากกว่าคาดในเดือนเม.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนที่ดินในการสร้างบ้าน และการขาดแรงงานทักษะ ทั้งนี้ ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 3.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.287 ล้านยูนิต หลังจากเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.336 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะลดลงสู่ระดับ 1.310 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ