ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 178.88 จุด เหตุวิตกเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนไม่แน่นอน,หวั่นซัมมิต"ทรัมป์-คิม"ล่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 23, 2018 06:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงใดๆกับรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE ของจีน และยังกล่าวด้วยว่า เขาไม่พอใจต่อผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีขึ้นที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังจากปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า มีโอกาสสูงมากที่การประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขา และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะไม่เกิดขึ้นในเดือนหน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,834.41 จุด ลดลง 178.88 จุด หรือ -0.72% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,724.44 จุด ลดลง 8.57 จุด หรือ -0.31% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,378.46 จุด ลดลง 15.58 จุด หรือ -0.21%

นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอีกครั้ง หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ออกมายืนยันเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงใดๆกับรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารของจีน โดยถ้อยแถลงของปธน.ทรัมป์สวนทางกับที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลสหรัฐบรรลุข้อตกลงชั่วคราวกับรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ZTE จะถูกปรับเป็นเงินจำนวนหนึ่ง และต้องมีการปรับเปลี่ยนฝ่ายบริหาร จากเดิมที่รัฐบาลสหรัฐประกาศห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐขายสินค้าให้กับ ZTE เป็นเวลา 7 ปี เนื่องจาก ZTE ได้ส่งออกสินค้าไปยังอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตร

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ปฏิเสธรายงานของสื่อดังกล่าว โดยระบุว่า "ไม่มีการทำข้อตกลงใดๆทั้งสิ้น และเราจะดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น" นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า เขาไม่พอใจต่อผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีขึ้นที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์ที่แล้ว

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังจากปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยหลังจากการพบปะพูดคุยกับนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า มีโอกาสสูงมากที่การประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขา และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะไม่เกิดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ตามที่วางแผนไว้ พร้อมกับย้ำว่า การประชุมสุดยอดจะไม่เกิดขึ้น หากเกาหลีเหนือไม่ยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขบางประการ

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 2.5% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 1.7% หุ้น 3M ปรับตัวลง 1.4% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ร่วงลง 1.1%

หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.8% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.9% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 1.3% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.1% หุ้นมาราธอน ออยล์ ปรับตัวลง 1.6%

หุ้นเจซี เพนนีย์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดังของสหรัฐ ดิ่งลง 6% หลังจากมีรายงานว่า นายมาร์วิน อาร์ เอลลิสัน ได้ลาออกจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจซี เพนนีย์ เพื่อไปรับตำแหน่งผู้บริหารของบริษัทโลว์ส

ทางด้านโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ได้แถลงยืนยันว่า นายเอลลิสัน จะเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้ฉุดราคาหุ้นโลว์สปิดตลาดร่วงลง 1.9%

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์ดีดตัวขึ้น ขานรับรายงานที่ว่า รัฐบาลจีนจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ปรับตัวขึ้น 0.5% หุ้นเดมเลอร์ เอจี พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ พุ่งขึ้น 1.6% และหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 0.2%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 1-2 พ.ค. ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ