ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 52.40 จุด หลังเฟดเผยรายงานการประชุม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 24, 2018 06:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 1-2 พ.ค.เมื่อวานนี้ โดยนักลงทุนมองว่ารายงานดังกล่าวไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วไปกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้แล้วก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐ ต่างก็ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนพ.ค.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,886.81 จุด เพิ่มขึ้น 52.40 จุด หรือ +0.21% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,425.96 จุด เพิ่มขึ้น 47.50 จุด หรือ +0.64% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,733.29 จุด เพิ่มขึ้น 8.85 จุด หรือ +0.32%

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 1-2 พ.ค.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเร็วๆนี้ หากแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐมีความสอดคล้องกับการคาดการณ์ของเฟด อีกทั้งยังระบุว่า หากข้อมูลที่เฟดจะได้รับในเร็วๆนี้มีความสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่เฟดคาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน ก็ถือว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่คณะกรรมการ FOMC จะก้าวเข้าสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการยกเลิกนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

ส่วนในด้านเงินเฟ้อนั้น กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมานั้น ถือเป็นข้อมูลที่ทำให้มั่นใจในระดับหนึ่งว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในทิศทางที่จะปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างไรก็ตาม กรรมการเฟดหลายคนมองว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐยังไม่ได้อยู่ในภาวะที่ร้อนแรงจนเกินไป เมื่อพิจารณาจากตัวเลขค่าจ้างที่มีการเปิดเผยในช่วงที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์จากพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล และนักวิเคราะห์จากบริษัทฮาเวอร์ฟอร์ด ทรัสต์ ต่างก็แสดงความเห็นว่า รายงานการประชุมของเฟดสะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการ FOMC ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วไปกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้แล้วก่อนหน้านี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่า ตลอดปี 2561 นั้น เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งสิ้น 3 ครั้ง ซึ่งในการประชุมเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เฟดได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 1 ครั้ง และจะเหลืออีก 2 ครั้งในปีนี้

หุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค ผู้จำหน่ายเครื่องประดับรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 23% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 1 อยู่ที่ระดับ 1.14 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 83 เซนต์/หุ้น ขณะที่ยอดขายอยู่ที่ระดับ 1.03 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 959.4 ล้านดอลลาร์

หุ้นโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 10% แม้บริษัทเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 1 อยู่ที่ระดับ 1.19 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.22 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้น 0.6% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.06%

หุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 5.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 1 อยู่ที่ 1.32 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.39 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ 1.656 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.658 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นราล์ฟ ลอเรน พุ่งขึ้น 14.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.ของสหรัฐ อยู่ที่ 56.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 44 เดือน จากระดับ 56.5 ในเดือนเม.ย. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค. อยู่ที่ 55.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 54.6 ในเดือนเม.ย.

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งความไม่แน่นอนของการจัดการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในเดือนหน้า

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ