ค่าเงินยูโรอ่อนแรงลงขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3568 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3618 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.7146 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.7080 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.71 เยน จากระดับ 101.58 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8959 ฟรังค์ จากระดับ 0.8919 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9373 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9391 ดอลลาร์สหรัฐ
ในระหว่างการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐเมื่อคืนนี้ นางเยลเลนยังคงมีท่าทีผ่อนคลายตามที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยกล่าวว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอ แม้ข้อมูลการจ้างงานแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา และบ่งชี้ว่าเฟดมีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปเป็นระยะเวลานาน หลังโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลง
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐได้ปรับตัวขึ้น หลังจากที่ประธานเฟดกล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในขณะนี้ หากตลาดแรงงานยังคงปรับตัวขึ้นเร็วกว่าที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ได้ประเมินไว้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้ปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกัน โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.ค. พุ่งขึ้นแตะ 25.60 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี เมื่อเทียบกับระดับ 19.28 ในเดือนมิ.ย.
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค.
ขณะเดียวกัน สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจปรับตัวขึ้น 0.5% สู่ระดับ 1.737 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนเม.ย. และหากเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 5.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว