ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2781 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2857 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับลงที่ 1.6341 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6404 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 108.99 เยน เทียบกับระดับ 108.93 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9452 ฟรังค์ จาก 0.9392 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8875 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8843 ดอลลาร์
ดอลลาร์ปรับตัวแข็งแกร่ง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18% ในเดือนส.ค.จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 504,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้นเพียง 3.4% ในเดือนดังกล่าว
ขณะเดียวกัน สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีในเดือนก.ย.ร่วงลงแตะ 104.7 จาก 106.3 ในเดือนส.ค. และอ่อนแรงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 105.7 ซึ่งตอกย้ำถึงแนวโน้มที่ไม่แน่นอนของเศรษฐกิจเยอรมนี ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยูโรโซน
การเปิดเผยข้อมูลของ Ifo มีขึ้นหลังจากที่มาร์กิตได้รายงานเมื่อวันอังคารว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนก.ย.ปรับตัวลงที่ 52.3 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 9 เดือน จาก 52.5 ในเดือนส.ค.
ทางด้านนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ว่า อัตราดอกเบี้ยในยูโรโซนจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำเช่นในปัจจุบันต่อไปเป็นระยะเวลานาน เพื่อหนุนเศรษฐกิจของภูมิภาค