ค่าเงินยูโรลดลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2778 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2796 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับลงที่ 1.5929 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6061 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 106.01 เยน เทียบกับระดับ 106.12 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9439 ฟรังค์ จาก 0.9435 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8771 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8762 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส หลังรายงานของกระทรวงระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 11 ต.ค. ลดลง 23,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้า แตะที่ 264,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2543 และสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 290,000 ราย
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นมาตรวัดผลผลิตในภาคการผลิต สาธารณูปโภค และเหมืองแร่ของสหรัฐ ขยายตัว 1.0% ในเดือนก.ย. หลังจากที่หดตัวลง 0.2% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.4%
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกจากการแสดงความเห็นของนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซ็นต์หลุยส์ ที่กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า เฟดควรจะพิจารณาเลื่อนระยะเวลาในการยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ออกไป เพื่อสกัดตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อที่ปรับตัวลง
ทั้งนี้ นายบูลลาร์ดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 3% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และจะเติบโตกว่า 3% ในปีหน้า