ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1764 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1840 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5146 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5180 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.73 เยน เทียบกับระดับ 118.32 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0209 ฟรังค์ จาก 1.0144 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8154 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8164 ดอลลาร์
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนดอลลาร์สหรัฐเมื่อคืนนี้ โดยสมาพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจขนาดย่อมของสหรัฐดีดตัวขึ้นในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 ปี ซึ่งตอกย้ำความแข็งแกร่งของปัจจัยพื้นฐานของสหรัฐ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจขนาดย่อมของ NFIB เพิ่มขึ้น 2.3 จุด สู่ระดับ 100.4 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2549
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า สหรัฐมีการเปิดรับสมัครงานในเดือนพ.ย.จำนวน 4.97 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 4.83 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างรอดูการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.
ส่วนสกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดัน หลังจากเจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายต้องจัดการกับภัยคุกคามจากภาวะเงินฝืดอย่างเร็วในสัปดาห์หน้า ซึ่งจุดปะทุกระแสคาดการณ์ที่ว่าอีซีบีอาจตัดสินใจซื้อพันธบัตรรัฐบาลในการประชุมกำหนดนโยบายครั้งหน้าที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ม.ค.นี้
ด้านเงินเยนแข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 3 เมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการร่วงลงในช่วงที่ผ่านมาของราคาน้ำมันและตลาดหุ้นได้กระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ซึ่งรวมถึงสกุลเงินเยน