ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1114 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0979 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5430 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5337 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.01 เยน เทียบกับระดับ 118.87 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9397 ฟรังก์ จาก 0.9542 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8033 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8015 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับจีดีพีในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีการขยายตัวเพียง 0.2% เทียบกับระดับ 2.2% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว และ 5% ในไตรมาส 3
การชะลอตัวดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจลดการลงทุน ขณะที่การส่งออกดิ่งลง และผู้บริโภคลดการใช้จ่าย โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จีดีพีมีการขยายตัว 1% ในไตรมาสแรก
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง เมื่อที่ประชุมนโยบายการเงินของเฟดมีมติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป ขณะที่ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
แถลงการณ์หลังการประชุมนโยบายการเงินของเฟดแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับภาวะอ่อนแอทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐได้ชะลอลงนับตั้งแต่การประชุมเฟดในเดือนมี.ค. ซึ่งได้สกัดกระแสคาดการณ์ของตลาดที่ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วในเดือนมิ.ย.