ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1083 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1048 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5598 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5602 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.11 เยน จาก 123.18 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9436 ฟรังก์ จาก 0.9386 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7622 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7645 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐเผชิญแรงกดดัน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. จากระดับ 254,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 233,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 จาก 5.5% ในเดือนพ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงสู่ 5.4%
นักวิเคราะห์มองว่า ตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแรงเกินคาดบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนก.ย.นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาวิกฤตหนี้กรีซ ก่อนที่จะมีการจัดทำประชามติในวันอาทิตย์เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะรับเงื่อนไขในการรัดเข็มขัดจากทางเจ้าหนี้หรือไม่ ขณะที่นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซิปราสของกรีซ ได้กล่าวทางสถานีโทรทัศน์ของกรีซ ชักชวนให้ชาวกรีซโหวต "No" ในการทำประชามติเพื่อแสดงท่าทีคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัด แต่ถ้าหากชาวกรีซเลือกที่จะโหวต "Yes" ในการสนับสนุนมาตรการดังกล่าว เขาก็จะเคารพผลการลงประชามตินั้น
ท่าทีของนายซิปราสถือเป็นการส่งสัญญาณว่า เขาอาจจะลาออกจากตำแหน่ง และปูทางสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ เนื่องจากรัฐบาลของเขาไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว
- ตลาดเงินนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 3 ก.ค. เนื่องในวันชาติสหรัฐ *