ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์แข็งค่า ขานรับผลการประชุมเฟด

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1006 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1048 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.5610 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5601 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.94 เยน จาก 123.61 เยน แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9670 ฟรังก์ จาก 0.9630 ฟรังก์ และแข็งค่าขึ้นแตะ 1.2936 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2933 ดอลลาร์แคนาดา

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7298 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7326 ดอลลาร์

ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันพุธ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ลงมติคงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป ขณะที่ระบุถึงความคืบหน้าในตลาดแรงงาน ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดยังคงเดินหน้าในความพยายามปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หรือช่วงต่อไปในปีนี้

อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุแต่เพียงว่าเฟดต้องการเห็นตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นต่อไป และต้องการมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อซึ่งอยู่ในระดับต่ำจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง ก่อนที่จะดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

คณะกรรมการ FOMC ทั้ง 10 คนลงคะแนนเสียงเห็นชอบต่อมติการประชุมในครั้งนี้ และนับเป็นการลงคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์เป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน

ทั้งนี้ ในแถลงการณ์หลังการประชุม เฟดได้ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลางในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ภาคครัวเรือนมีการขยายตัว ส่วนภาคที่อยู่อาศัยมีการปรับตัวดีขึ้น

เฟดยังระบุว่าตลาดแรงงานได้ปรับตัวขึ้น โดยการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่อัตราการว่างงานได้ลดต่ำลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายในระยะยาว ซึ่งสะท้อนถึงการดิ่งลงของราคาพลังงาน

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐได้ยกระดับการประเมินเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นการสนับสนุนมุมมองที่ว่า การขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีอาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดดอลลาร์สหรัฐกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ปรับตัวขึ้น 0.27% สู่ระดับ 97.030 ในช่วงท้ายของการซื้อขาย