สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด
เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1316 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1305 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.4458 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4396 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7327 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7290 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 109.10 เยน จากระดับ 109.04 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9797 ฟรังก์ จากระดับ 0.9781 ฟรังก์
ดอลลาร์สหรัฐได้รับปัจจัยหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2013 และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนเม.ย. เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และอาหาร
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบรายปี
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 6.6% ในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 1.17 ล้านยูนิต
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.13 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย.
ส่วนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 0.3% โดยได้แรงหนุนจากการผลิตเครื่องจักร และรถยนต์ และบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐสามารถรับมือภาวะซบเซาของเศรษฐกิจโลก
ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 0.5% สู่ระดับ 75.4%
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจโดยทั่วไปที่สดใสกระตุ้นการคาดการณ์ของตลาดที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้งในปีนี้