สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าการคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด เพื่อจับสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 105.57 เยน จากวันพฤหัสบดีที่ระดับ 105.38 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9838 ฟรังก์ จากระดับ 0.9800 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1058 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1123 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ร่ะดับ 1.3197 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3323 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7593 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7640 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า โดยยอดค้าปลีกมิ.ย.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ และเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน เพราะได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บรืโภคในด้านพลังงาน, ที่อยู่อาศัย และการรักษาสุขภาพ
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2015 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2%
นอกจากนี้ เฟดสาขานิวยอร์ก ยังออกรายงานเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.61% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับการประเมินในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.31% หลังมีการเปิดเผยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของเฟดอย่างใกล้ชิด หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาแสดงมุมมองเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย โดยนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เฟดควรจะใช้ความอดทน และระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต เนื่องจากผลกระทบจากการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เริ่มปรากฎชัดขึ้น
ด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวแสดงความเห็นในการประชุมเศรษฐกิจซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเซนต์หลุยส์ว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับสู่ภาวะแวดล้อมด้านอัตราดอกเบี้ยที่เป็นปกติ พร้อมกล่าวว่า ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบันนั้น กำลังบิดเบือนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ