สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐที่พุ่งขึ้นในเดือนก.ค.
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 100.56 เยน จากระดับ 100.45 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9680 ฟรังก์ จากระดับ 0.9670 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2929 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2931 ดอลลาร์แคนาดา
เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1281 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1264 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3169 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3228 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7614 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7608 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเยน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้นในเดือนก.ค. โดยดีดตัวขึ้น 4.4% หลังจากลดลง 4.2% ในเดือนมิ.ย.
การพุ่งขึ้นอย่างมากของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนมีสาเหตุจากการทะยานขึ้น 10.5% ของกลุ่มขนส่ง โดยคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์เพิ่มขึ้น 89.9%
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสวนทางคาดการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 261,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ส.ค.
การลดลงของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก นับเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 265,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันนี้ โดยการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในหัวข้อ "การออกแบบกรอบนโยบายการเงินอย่างยืดหยุ่นสำหรับอนาคต" ซึ่งที่ผ่านมานั้น เฟดมักจะแถลงนโยบายสำคัญในการประชุมดังกล่าว
ทั้งนี้ นางเยลเลนจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ "เครื่องมือด้านนโยบายการเงินของเฟด" โดยนางเยลเลนจะแสดงมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ และอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้