ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่า หลัง"เยลเลน"ชูปัจจัยหนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday August 27, 2016 07:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮลเมื่อวานนี้ว่า ปัจจัยต่างๆที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ นางเยลเลนยังได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.87 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 100.56 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9789 ฟรังค์ จากระดับ 0.9680 ฟรังค์

ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.1185 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1281 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3127 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3169 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7554 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7614 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นหลังจากนางเยลเลนกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮลว่า "ท่ามกลางการปรับตัวที่แข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และมุมมองของเราที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และภาวะเงินเฟ้อ ดิฉันเชื่อว่าปัจจัยต่างๆที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา" ขณะเดียวกัน นางเยลเลนยังได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัว และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงหนุนหลังจากนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า

ทั้งนี้ นายฟิสเชอร์กล่าวว่า รายงานตัวเลขการจ้างงานครั้งต่อไป จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีน้ำหนักมากในกระบวนการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และจำนวนครั้งของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จะขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจ ซึ่งการแสดงความเห็นในลักษณะกำหนดกรอบเวลาที่ค่อนข้างชัดเจนของนายฟิสเชอร์นั้น ได้กระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หากตัวเลขจ้างงานออกมาแข็งแกร่ง

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดเมื่อคืนนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ขยายตัว 1.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 1.2%

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังระบุว่า กำไรหลังการหักภาษีของภาคเอกชนลดลงสู่ระดับ 2.4% ในไตรมาส 2 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 8.1% ในไตรมาสแรก ขณะที่การใช้จ่ายในภาคธุรกิจลดลง 3.7% ในไตรมาส 2 โดยลดลงเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2007-2009


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ