สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) หลังจากที่นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า "ข้อมูลการจ้างงานครั้งต่อไป จะเป็นปัจจัยหนึ่งในกระบวนการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด" โดยแถลงดังกล่าวได้กระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 103.10 เยน จากระดับ 101.94 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9840 ฟรังก์ จากระดับ 0.9777 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3088 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3013 ดอลลาร์แคนาดา
เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1137 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1190 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.3078 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3114 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะระดับ 0.7505 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7578 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นหลังจากนายฟิสเชอร์ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า ตัวเลขการจ้างงานเดือนส.ค.และข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆในช่วงก่อนการประชุมเฟดเดือนหน้านั้น จะมีผลต่อการตัดสินใจของเฟดเป็นอย่างมาก พร้อมกับกล่าวว่า จำนวนครั้งของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จะขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจ
นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกต่างก็จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีผลต่อความเคลื่อนไหวของตลาดนั้น ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐอยู่ในระดับสูงเกินคาดในเดือนส.ค. โดยอยู่ที่ระดับ 101.1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 97.0