ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์แข็งค่า หลังปธ.เฟดบอสตันหนุนขึ้นดบ.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) หลังจากที่ประธานเฟดบอสตันแสดงความคิดเห็นสนับสนุนให้เฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ย

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1230 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1206 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.2958 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3072 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7617 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7629 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 101.10 เยน จากระดับ 100.90 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9697 ฟรังก์ จากระดับ 0.9692 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3174 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3067 ดอลลาร์แคนาดา

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น จากถ้อยแถลงของนายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน ที่ระบุว่า เขาเชื่อว่าควรมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในขณะนี้

นอกจากนี้ เขายังเตือนว่า การที่อัตราว่างงานลดลงต่ำกว่าระดับที่ยั่งยืน จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

ทั้งนี้ นายโรเซนเกรนเป็นกรรมการคนหนึ่งใน 3 คนของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดที่ได้ลงมติคัดค้านการตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ โดยเห็นว่าควรมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นายโรเซนเกรนคาดการณ์ว่า อัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 4.5% ภายในปี 2019 ซึ่งจะต่ำกว่าระดับที่ยั่งยืนในระยะยาว ทำให้มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะร้อนแรงเกินไป ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น และส่งผลให้ตลาดการเงินเสียสมดุล จนนำไปสู่การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ขณะนี้ อัตราว่างงานในสหรัฐอยู่ที่ระดับ 4.9%

นายโรเซนเกรนยังกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากสามารถปรับตัวอย่างยืดหยุ่น ขณะที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศ เช่น การชะลอตัวของจีน และการที่อังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป