สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการเทขายทำกำไร และหลังจากมีรายงานว่าตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนก.ย.
เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0982 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0996 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.2295 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2196 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7667 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7623 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 103.87 เยน จากระดับ 103.83 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9901 ฟรังก์ จากระดับ 0.9888 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3119 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3137 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์พุ่งขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อประจำเดือนก.ย. ทะยานขึ้นสู่ระดับ 1.0% จาก 0.6% ในเดือนส.ค.
ตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษที่มีการเปิดเผยล่าสุดนี้ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2557 และเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2557 รวมทั้งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.9%
นักลงทุนเทขายทำกำไรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 3% นับตั้งแต่สิ้นเดือนก.ย. เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนในระดับหนึ่ง จากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยดีดตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน และค่าเช่าบ้านที่ปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลเยน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของเฟด, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.