สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงยอดขาดดุลการค้าที่ปรับตัวลดลงในเดือนก.ย.
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 104.48 เยน จากระดับ 104.23 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9935 ฟรังก์ จากระดับ 0.9937 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3364 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3328 ดอลลาร์แคนาดา
เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0909 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0901 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.2230 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2190 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะระดับ 0.7642 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7649 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเยนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าระหว่างประเทศอยู่ที่ระดับ 5.61 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ลดลง 3.1 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 5.91 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค.
มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ระดับ 1.256 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.1 พันล้านดอลลาร์จากเดือนส.ค. ขณะที่การนำเข้าอยู่ที่ระดับ 1.817 แสนล้านดอลลาร์ ลดลง 2 พันล้านดอลลาร์จากเดือนส.ค.
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 593,000 ยูนิต ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี
ขณะที่ไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของภาคบริการสหรัฐประจำเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 54.8 เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.3 ในเดือนก.ย. โดยเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2015
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย. และดัชนีกิจกรรมการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดแคนซัส