ดัชนีดอลลาร์พุ่งทะลุแนว 100 ทำนิวไฮรอบกว่า 13 ปี เก็งเฟดขึ้นดบ.เดือนหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 16, 2016 20:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดอลลาร์พุ่งทะลุระดับ 100 ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2003 เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในตะกร้าเงิน ขณะที่ดอลลาร์ดีดตัวสู่กรอบกลางของ 109 เยน และพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อเทียบยูโร จากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง

ณ เวลา 20.22 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.19% สู่ระดับ 109.36 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.09% สู่ระดับ 117.11 เยน และร่วงลง 0.09% สู่ระดับ 1.0710 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.27% สู่ระดับ 100.41

การเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกที่สดใสของสหรัฐเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนต.ค. โดยเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับตัวขึ้น 1.0% ในเดือนก.ย.

การเพิ่มขึ้นของยอดค้าปลีกในเดือนก.ย.และต.ค.รวมกันทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดสำหรับช่วง 2 เดือนนับตั้งแต่ต้นปี 2014

ยอดค้าปลีกได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ และวัสดุก่อสร้างสำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากพายุเฮอร์ริเคนแมทธิว

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค.

นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวในวันนี้ว่า จะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ถ้าหากเฟดไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า

นายบูลลาร์ดระบุว่า เหตุผลเดียวที่จะทำให้เฟดระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. ก็คือการที่ตลาดการเงินโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง หรือสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่อย่างมาก

นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงหนึ่งครั้งในการประชุมเดือนหน้า ก็อาจเป็นการเพียงพอแล้วที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดปรับตัวสู่ระดับเป็นกลาง

"การขึ้นอัตราดอกเบี้ยหนึ่งครั้ง โดยอาจเกิดขึ้นในเดือนธ.ค. ก็เพียงพอที่จะทำให้นโยบายการเงินกลับสู่ภาวะเป็นกลาง" นายบูลลาร์ดกล่าว

ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงมากขึ้นในปีหน้า หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พร้อมกับให้สัญญาว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหญ่ ด้วยการลงทุนในภาคสาธารณูปโภค

นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดยังกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐนับตั้งแต่การเลือกตั้งสหรัฐ ถือว่ายังคงอยู่ในกรอบของปีที่แล้ว ขณะที่การคาดการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นได้ช่วยคลายความกังวลของเฟดเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ต่ำเกินไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ