ดอลลาร์ดีดตัววันนี้ ขานรับตัวเลขจ้างงานสหรัฐ ขณะคาดเฟดเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 9, 2017 20:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้นในวันนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐเมื่อวันศุกร์ ซึ่งส่งสัญญาณแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นของค่าแรงในเดือนธ.ค.

ณ เวลา 19.54 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.19% สู่ระดับ 116.69 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.35% สู่ระดับ 122.78 เยน และอ่อนค่าลง 0.07% สู่ระดับ 1.0523 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.10% สู่ระดับ 102.3

นายชาร์ลส์ อีแวน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ระบุหลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งมากกว่าที่เขาคาดไว้ก่อนหน้านี้

ค่าเงินปอนด์ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวอย่างชัดเจนว่า อังกฤษพร้อมถอนตัวออกจากตลาดร่วมยุโรป เพื่อให้รัฐบาลอังกฤษยังคงมีอำนาจในการควบคุมการเข้าเมืองของชาวต่างชาติ

ณ เวลา 17.48 น.ตามเวลาไทย ปอนด์ดิ่งลง 1.01% สู่ระดับ 1.2156 ดอลลาร์ โดยหลุดระดับ 1.2200 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นแนวรับสำคัญของปอนด์ แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนต.ค.ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ นางเมย์กล่าวอย่างชัดเจนในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวสกายนิวส์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตนจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกต่อการที่รัฐบาลอังกฤษยังคงมีอำนาจควบคุมการเข้าเมืองของชาวต่างชาติ มากกว่าการให้ความสำคัญต่อการที่อังกฤษสามารถเข้าสู่ตลาดร่วมยุโรป ทันทีที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)

ที่ผ่านมา ภาคการเงินของอังกฤษได้พยายามรณรงค์ให้รัฐบาลยังคงรักษาสถานะของอังกฤษในการเข้าสู่ตลาดร่วมยุโรปต่อไป เนื่องจากวิตกว่า หากอังกฤษถูกตัดขาดจากตลาดร่วมดังกล่าว จะทำให้บรรดาธนาคารและผู้จัดการกองทุนพากันถอนตัวออกจากอังกฤษเพื่อย้ายฐานเข้าสู่ยุโรป

ทั้งนี้ ตลาดร่วมยุโรปเกิดจากข้อตกลงการค้าเสรีภายใน EU และถือว่ามีความสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะรถยนต์

นอกจากนี้ นางเมย์ยังย้ำจุดยืนว่าอังกฤษจะประกาศใช้มาตรา 50 ตามสนธิสัญญาลิสบอน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ประเทศสมาชิกจะถอนตัวออกจาก EU ในกรอบเวลา 2 ปี โดยอังกฤษจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนมี.ค. ปีนี้

ขณะเดียวกัน ปอนด์ยังถูกกดดันจากการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่สดใส แม้จะต่ำกว่าคาดในเดือนธ.ค. แต่การที่ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานได้พุ่งขึ้นหลังจากลดลงในเดือนพ.ย. ก็ได้แสดงถึงภาวะที่แข็งแกร่งในตลาดแรงงาน

ทั้งนี้ ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานพุ่งขึ้น 10 เซนต์ สู่ระดับ 26 ดอลลาร์ โดยทะยานขึ้น 2.9% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ปรับตัวลงในเดือนพ.ย.

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.7% หลังร่วงลงสู่ระดับ 4.6% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 9 ปี

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.7%

ทางด้านนายแจน แฮตซิอุส หัวหน้านักวิเคราะห์ของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ดอลลาร์มีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.00 ยูโรในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันของสหรัฐและยุโรป

นายแฮตซิอุสกล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย., ก.ย. และธ.ค.ในปีนี้ ขณะที่คาดว่า ECB จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2019

นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ยังคาดว่า มีความเป็นไปได้ 35% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.

ขณะเดียวกัน นายแฮตซิอุสคาดว่า อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทระยะเวลา 10 ปีจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 3% ในปลายปีนี้ หลังจากอยู่ที่ 1.36% ในกลางปีที่แล้ว และ 2.60% ในปลายปีที่แล้ว ขณะที่ในวันที่อยู่ที่ระดับ 2.40%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ