สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) ภายหลังนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ของอังกฤษ ได้แถลงรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการของอังกฤษในการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงกดดันจากการแสดงความเห็นของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.66 เยน จากระดับ 114.46 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0025 ฟรังก์สวิส จากระดับ 1.0088 ฟรังก์สวิส
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0707 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0640 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.2395 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2189 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7562 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7496 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวว่า ข้อตกลง Brexit ขั้นสุดท้ายจะต้องผ่านการลงมติในรัฐสภา นอกจากนี้ ปอนด์ยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นางเมย์ระบุว่า อังกฤษจะทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (EU) หลังถอนตัวจากตลาดร่วมยุโรป
นักวิเคราะห์กล่าวว่า มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าถ้อยแถลงของนางเมย์จะส่งผลกระทบต่อตลาด แต่เธอก็สามารถจัดการกับการคาดการณ์ดังกล่าวและแถลงออกมาได้ดี
ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐได้แสดงความเห็นว่า การที่ดอลลาร์แข็งค่านั้น กำลังสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจสหรัฐ
โดยดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า การแข็งค่าของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหยวนของจีน "กำลังเป็นสิ่งที่ฆ่าเรา" นายทรัมป์กล่าววิพากษ์วิจารณ์ว่า บริษัทของสหรัฐไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทของจีนได้ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าเกินไป เพราะจีนพยายามทำให้เงินหยวนของตนเองนั้นอ่อนค่าลง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) มีการขยายตัวเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนม.ค. ขณะที่ได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่