ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นจากแรงซื้อคืน หลังจากดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 113 เยน แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ณ เวลา 19.26 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.57% สู่ระดับ 113.32 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.40% สู่ระดับ 121.73 เยน และร่วงลง 0.17% สู่ระดับ 1.0743 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.37% สู่ระดับ 100.30
ดอลลาร์ถูกเทขายในการซื้อขายช่วงแรก จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้นโยบายกีดกันทางการค้าของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่เขาได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อให้สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงการค้าเสรีหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค (TPP) อย่างเป็นทางการ ขณะที่เตรียมเจรจาครั้งใหม่ต่อข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟต้า) กับแคนาดาและเม็กซิโก
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการที่นายสตีเวน นูชิน ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ กล่าวว่า การแข็งค่ามากเกินไปของดอลลาร์ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นเหนือ 113 เยนในเวลาต่อมา จากคำสั่งซื้อของนักลงทุนสถาบันญี่ปุ่น
ปอนด์ยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ หลุดระดับ 1.2450 ดอลลาร์ หลังจากดีดตัวขึ้นในช่วงสั้นๆ รับข่าวศาลฎีกาของอังกฤษมีคำวินิจฉัยว่า นายกรัฐมนตรีไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่จะขอความเห็นชอบจากรัฐสภาอังกฤษ
อย่างไรก็ดี ศาลฎีการะบุอีกว่า นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาในสหราชอาณาจักร ซึ่งได้แก่ สก็อตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ
ณ เวลา 19.20 น.ตามเวลาไทย ปอนด์ดิ่งลง 0.67% สู่ระดับ 1.2447 ดอลลาร์
โฆษกของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่า นางเมย์เคารพคำวินิจฉัยของศาลฎีกาของอังกฤษในวันนี้ และจะดำเนินการเพื่อให้รัฐสภาทำการลงมติต่อข้อตกลง Brexit ในไม่ช้า
นอกจากนี้ โฆษกยังระบุว่า คำวินิจฉัยของศาลไม่ได้มีผลกระทบต่อแผนการประกาศใช้มาตรา 50 ภายในสิ้นเดือนมี.ค.