สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) ด้วยปัจจัยบวกจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นเหนือระดับ 20,000 จุดติดต่อกัน 2 วันทำการ ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0695 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0729 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2600 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2623 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลีย อ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7546 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7551 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 114.41 เยน จากระดับ 113.80 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9992 ฟรังก์สวิส จากระดับ 1.0011 ฟรังก์สวิส
ดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเหนือแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 20,000 จุดติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่หลายบริษัท เช่น คอมแคสต์, อีเบย์, ดาว เคมิคอล และดิอาจิโอ ผู้ผลิตวิสกี้ "Johnnie Walker"
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลภาคบริการที่สดใสของสหรัฐ โดยบริษัทไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 55.1 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2015 หลังจากอยู่ที่ระดับ 53.9 ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2559, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ไตรมาส 4/2559 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน