สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.พ.) โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งรวมถึงประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 113.58 เยน จากระดับการซื้อขายวันก่อนที่ 112.88 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 1.0091 ฟรังก์ จากระดับ 1.0026 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.0545 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0612 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2460 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2429 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 0.7679 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7663 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากนางลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงรักษาระดับการขยายตัวได้ดีเหมือนในปัจจุบัน
เมสเตอร์ได้แสดงความเห็นดังกล่าวในระหว่างการกล่าวปาฐกถาในงานสัมนาด้านการธนาคารที่สิงคโปร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเธอกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง ขณะที่เงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของเฟด และเธอยังได้สนับสนุนให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัวได้ดี
ทางด้านนายแพทริค ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียกล่าวว่า เขาจะสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและส่งผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดเงินนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิต พบว่า กิจกรรมทางด้านธุรกิจของสหรัฐชะลอตัวในเดือนก.พ. หลังพุ่งขึ้นในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.3 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน
มาร์กิตยังเปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ 54.3 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เทียบกับเดือนม.ค.ที่ระดับ 55.0 ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการปรับตัวลงสู่ระดับ 53.9 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เทียบกับเดือนม.ค.ที่ระดับ 55.6
นักลงทุนจับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค., รายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC), ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนม.ค.จากเฟดชิคาโก, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.