ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงเป็นวันทำการที่ 4 ติดต่อกัน หลังการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G20 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
แถลงการณ์ร่วมของกลุ่ม G20 ระบุถึงจุดยืนร่วมกันด้านการค้าและอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม มีการถอดประเด็นต่อต้านการกีดกันทางการค้าออกจากแถลงการณ์ เนื่องจากได้รับการคัดค้านจากตัวแทนของสหรัฐ
ณ เวลา 19.52 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.08% สู่ระดับ 112.79 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.31% สู่ระดับ 121.26 เยน และดีดตัวขึ้น 0.14% สู่ระดับ 1.0752 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.01% สู่ระดับ 100.28
ดอลลาร์ได้อ่อนค่าลง นับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เสร็จสิ้นการประชุมในวันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากเฟดบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ปอนด์อ่อนค่าลงในวันนี้ หลังจากมีการรายงานว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 29 มี.ค.
ณ เวลา 19.38 น.ตามเวลาไทย ปอนด์ร่วงลง 0.07% สู่ระดับ 1.2383 ดอลลาร์ และปรับตัวลง 0.23% สู่ระดับ 0.8678 ยูโร
กระทรวงว่าด้วยการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของอังกฤษ แถลงว่า นางเมย์จะประกาศใช้มาตรา 50 ในวันที่ 29 มี.ค. ซึ่งจะส่งผลให้อังกฤษเริ่มต้นกระบวนการเจรจาเป็นเวลา 2 ปีเพื่อแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
กระทรวง Brexit เปิดเผยว่า นายทิม แบร์โรว์ ซึ่งเป็นตัวแทนของอังกฤษใน EU ได้แจ้งให้นายโตนัลด์ ทัสค์ ประธานสภายุโรป รับทราบถึงเรื่องดังกล่าวแล้วในวันนี้
ขณะเดียวกัน ซิตี้ กรุ๊ป ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ค่าเงินยูโรในช่วง 6 เดือนถึง 12 เดือนข้างหน้า สู่ระดับ 1.04 ดอลลาร์ จากระดับ 0.98 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้